วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ยาลดน้ำหนัก ยาอันตราย

ถ้าพูดคำว่า “ยาลดน้ำหนัก” เชื่อว่าทั้งคนที่กำลังมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก หรือคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก ต่างก็รู้จักคำๆนี้เป็นอย่างดี แต่จะมีซักกี่คนที่รู้จัก “อันตราย” ของ มันจริงๆ บางคนอาจจะไม่รู้เลย บางคนอาจจะรู้มาบ้างแต่ไม่กล้าค้นรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะกลัวความจริง บางคนรู้โดยไม่ต้องค้นหาข้อมูลเพราะเกิดขึ้นกับตนเอง แล้วก็มีคนจำนวนหนึ่งในสังคมที่ทราบอันตรายดี และตั้งใจว่าจะลดน้ำหนักยังไงก็ได้แต่ขอไม่ใช้ยาลดน้ำหนัก

แต่ เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่ปัจจุบันความรู้เรื่องอันตรายของยาลดน้ำหนัก ค่อนข้างจะเป็นที่แพร่หลาย แต่กลับมีคนจำนวนมาก ที่ยังคงเลือกที่จะลดน้ำหนักด้วยการทานยาลดน้ำหนักโดยมีมูลค่ารวมกันนับพัน ล้านบาท อาจจะเป็นเพราะว่ามันง่าย ราคาไม่แพง หรือบางคนอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ต้องให้ยามาช่วยควบคุม แต่เชื่อเถอะว่า ไม่มีอะไรที่ง่าย ราคาถูก แล้วยังได้ผลดีโดยไม่มีผลข้างเคียงอะไร



ไม่ว่าจะเคยรู้จักหรือไม่ วันนี้เรามาทำความรู้จัก “ยาลดน้ำหนัก” กัน โดยจะไม่เน้นคำศัพท์วิชาการ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายขึ้น ทราบไหมว่า โดยทั่วไปแล้ว ยาลดน้ำหนัก ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เราทานกันอย่างแพร่หลาย ทั้งโรงพยาบาล คลินิก และสามารถเข้าถึงได้ทุกคนแบบที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาจะใช้เพื่อเป็นยารักษาในกรณีที่บางคนมีน้ำหนักตัวเยอะมากและเริ่มเป็น อันตรายต่อสุขภาพ “เท่านั้น” และการทานยานั้นจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่าง “ใกล้ชิด ” เนื่องจากยาบางตัวที่ทานนั้น “มีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ” แม้ในปัจจุบันและในอนาคตอาจจะมีการพัฒนายาลดน้ำหนักให้มีคุณสมบัติบางอย่าง เปลี่ยนไป แต่ก็คงจะไม่แตกต่างจากที่เคยเป็นมา อันตรายจากยาลดน้ำหนักจึงไม่มีทางลดน้อยลง เรามาทำความรู้จักยาลดน้ำหนักกลุ่มหลักๆกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1. กลุ่มยาลดความหิว(ที่ต้องเรียกเป็นกลุ่มเพราะมีหลายตัว ตามแต่คุณหมอแต่ละคนจะสั่งให้เรา)

ยาบางตัวดัดแปลงมาจากยาบ้า ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทส่วนกลาง เพื่อควบคุมความหิว เวลา ที่เราทานเข้าไปแล้วเราจะไม่หิว เพราะระบบประสาทถูกกดเอาไว้ เราจึงทานน้อยลง (น้ำหนักตัวเราก็ต้องลดลงเพราะเราทานน้อยลง) ยากลุ่มนี้แหละที่เวลาทานแล้วจะเกิดผลข้างเคียงแบบที่เจอบ่อยๆ ก็คือ กระสับกระส่าย ปวดหัว หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ คลื่นไส้ เบลอๆ ซึมเศร้า ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เหงื่อออก ท้องผูก อาการเหล่านี้เกิดจากการที่ระบบประสาทถูกกดเอาไว้นั่นเอง ดูอาการแต่ละอย่างเราจะเห็นเลยว่า มีผลต่อส่วนสำคัญของร่างกายทั้งนั้น สมอง หัวใจ ความดันโลหิต ระบบขับถ่าย น่ากลัวมากๆ

ที่สำคัญยาในกลุ่มนี้หลายๆตัวได้ห้ามการจำหน่ายแล้ว เนื่องจากจะทำให้ลิ้นหัวใจรั่ว และยาส่วนใหญ่ไม่แนะนำให้ทานติดต่อกันเกิน 12 สัปดาห์ เพราะจะเป็นอันตรายได้ และแม้ว่าเราจะทราบว่ายาอะไรที่ห้ามจำหน่าย แต่ลองนึกดูว่า เวลาเราได้รับยาจากหมอ เราไม่มีทางทราบได้เลยว่ายานั้นคือยาอะไร หากหมอบอกว่าไม่ใช่ยาที่ห้ามจำหน่ายเราก็ต้องเชื่อตาม พอจะจินตนาการออกแล้วใช่ไหมว่าหากเราทานยาลดน้ำหนัก เราเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงแค่ไหน แต่ยังไม่หมด เพราะยังมียาอีกหลายกลุ่ม



2. กลุ่มยาเร่งการเผาผลาญ

ยากลุ่ม นี้จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทที่มีบทบาทในการควบคุมการใช้พลังงาน(การเผาผลาญ) ในร่างกายเรา เมื่อทานเข้าไปแล้วจะไปกระตุ้นให้ร่างกายเรามีการเผาผลาญมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ร่างกายเรามีการเผาผาญไขมันมากขึ้นนั่นเอง ผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนต่อหัวใจของเรา นั่นคือหัวใจเราจะเต้นผิดจังหวะ และน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ช็อกได้ และผลข้างเคียงระยะยาวคือ อาจจะทำให้มีไขมันลดลงแต่กล้ามเนื้อขนาดใหญ่ขึ้น(ซึ่งคนที่เป็นผู้หญิงคงไม่ ต้องการแน่ๆ)
3. กลุ่มยาขับน้ำ(ขับปัสสาวะ)

ยากลุ่ม นี้ออกฤทธิ์ตรงตัว คือช่วยให้ร่างกายขับน้ำออกจากร่างกายมากขึ้น ซึ่งปกติจะใช้บ่อยกับนักมวยที่ต้องการลดน้ำหนักเร่งด่วน ฉะนั้นพอเราทานน้ำหนักเราก็จะลดลงเร็วเนื่องจากเสียน้ำ แต่เมื่อเราทานน้ำมากขึ้นน้ำหนักก็จะกลับมาใหม่ ยาในกลุ่มนี้ไม่สามารถช่วยอะไรเราได้เลย จะมีแต่ผลเสีย ร่างกายจะสูญเสียน้ำ และสูญเสียเกลือแร่ไปด้วย จะทำให้มีอาการเพลีย และหากใช้นานอาจทำให้ไตพิการได้



4. ยากลุ่มที่ช่วยยับยั้งการดูดซึมไขมัน

ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ที่ระบบทางเดินอาหาร ด้วยการยับยั้งเอนไซม์ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจะช่วยยับยั้งการดูดซึมไขมัน ยาในกลุ่มนี้ไม่มีผลต่อระบบประสาทจึงไม่มีอาการผลข้างเคียงออกมาให้เห็นมากนัก แต่อาจจะเห็นได้จากการที่อุจจาระออกมาจะเป็นเมือกมันๆ

ยาลดน้ำหนักออกใหม่ที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า



1 Sibutramine (Reductil@ ) มีเพียงยี่ห้อเดียวเท่านั้น เป็น capsule สี น้ำเงินเหลือง (10mg)' และ น้ำเงินขาว (15mg)
ถ้า เป็นสีอื่น ยี่ห้ออื่น ของปลอมชัวร์ ออกฤทธิ์ด้วยการช่วยให้ความอยากอาหารน้อยลง เร่งการเผาผลาญนิดหน่อย ไม่ค่อยเกิด yoyo แต่ราคาแพง 10mg =100bath/capsule, 15 mg= 150 bath/ capsule กินได้วันละไม่เกิน 15 mg และห้ามใช้ร่วมกับ phentermine

2 Xenical อันนี้ดี ช่วยดักจับไขมันที่กินเข้าไปทำให้อึ๊ ออกมาเป็นมันแผล็บ แต่ข้อเสียคือ ก้นมันมาก บางครั้งมีไขมันแพลมออกมาก๊ะตด ด้วย อึ๋ย อึ่ย อึ๋ย อ้วก ลักษณะเป็น capsule สีฟ้า ราคาประมาณ 50 bath/ capsule อาจกินเฉพาะวันที่เรากินอาหารมันมาก ไม่จำเป็นต้องกินทุกวัน

เป็นไงจ๊ะ อย่างน้อยก้อรู้แล้วนะว่าทำไมถึงต้องออกกำลังกาย

ความจริง!!! ยาลดน้ำหนัก (ตามคลินิคหมอ)

ก่อน อื่นก็ขอแนะนำ Dr.Sexy ก่อนนะ คุณหมอเป็นแพทย์ประจำคลีนิคลดน้ำหนักแห่งหนึ่ง คุณหมอคงเบื่อเหลือทนกับคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาที่ต้องการยาลดความอ้วนแบบแรงๆ ซึ่งถึงจะลดลงมา แต่ก็ย้อนกลับไปอ้วนใหม่เป็นวัฎจักร พอคุณหมอแนะนำให้ออกกำลังกาย ก็อ้างโน่นอ้างนี่ คุณหมอเลยแอบมาบ่นที่บอร์ด กระผมเห็นเป็นโอกาสดีจึงขอความกรุณาคุณหมอช่วยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการลด ความอ้วน และนี้เป็นบทความแรกของคุณหมอ นามแฝง Dr. Sexy คร้าบ
ยาชุดที่ใช้ตามคลินิกทั่วไปมีดังนี้ค่ะ

1 Phentermine HCL เป็นยาหลักที่ใช้กดสมองส่วนกลางไม่ให้เกิดความอยากอาหาร ยาชนิดนี้ เป็นยาที่ดัดแปลงมาจากยาแอมเฟตามีน (Amphetamine) ที่ อย. อนุญาตให้ขายในเมืองไทยมีขนาด 15 และ 30 mg ผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือ กระวนกระวาย ปวดศีรษะ เหงื่อออก ปากแห้ง คลื่นไส้ ท้องอืด ส่วนใหญ่จะเกิด yoyo effect หลังหยุดยา ไม่ควรใช้เกิน 30 mg /วัน เพราะฉนั้นถามผู้ที่จ่ายยาคุณก่อนรับทุกครั้งนะคะ ลักษณะเม็ดยา มักจะเป็น capsule สี เขียวเข้ม-ขาว,แดง-ขาว,และเป็น capsule ที่เป็นเม็ดเล็กๆข้างใน

2 Thyroid hormone อันตรายมากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! มีสีต่างๆกัน ในคนปกติ ถ้ากินจะมีอาการเหมือนคนที่เป็นคอพอกเป็นพิษ ใจสั่น วูบวาบ คนจ่ายยามักใช้เพื่อเร่งการเผาผลาญ (metabolism)

3 ยาขับปัสสาวะ มัก เป็น lasix หรือ HCTZ เม็ดอาจเป็นสี ขาว ส้ม ฟ้า แล้วแต่ แต่ไม่รู้ให้มาทำไมฉี่บ่อย กินไปก้อออกแต่น้ำอันตรายหนักเข้าไปอีกบ้าจริงๆ เนื่องจากหมอจะใช้เป็นยาลดความดันค่ะ ลองนึกดูว่าถ้าคนความดันปกติไปกินล่ะก้อ ความดันตกฮวบแน่ๆ

4 ยาระบาย อันนี้พอไหวเนื่องจาก phentermine ทำให้ท้องผูก

5 ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด ถ้าไม่ให้ในขนาดที่สูงเกินไปก้อพอทนรับได้ แต่ถ้าเราไม่ได้กินอาหารเลยล่ะก้อ เสร็จแน่ๆ ระดับน้ำตาลในเลือดถ้าต่ำกว่า 70 mg/dl ละก้อ จะอ่อนเพลีย แต่ถ้าต่ำกว่า 50 ละก้อ ช้ากแหง่กๆๆๆๆ สถานเดียว

6 Fluoxetin ยาชนิดนี้ เป็นยาลดอาการซึมเศร้า แต่มีผลต่อการลดน้ำหนักด้วย ขนาดปกติที่ใช้คือ 60 มิลลิกรัมต่อวัน ยังไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอน โดยเชื่อว่ายาจะทำให้ความอยากอาหารลดลง เพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาชนิดนี้คือ อ่อนเพลีย ท้องเดิน เหงื่อออก นอนไม่หลับ กระหายน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน

7 ยาหลอก มักเป็นพวกแป้ง หรือวิตามิน ใส่เข้าไปในชุดให้มันดูเยอะๆไปยังงั้นแหละ จะได้คิดราคาแพงๆได้
****** ถ้าได้ยาเป็น capsule สีเทาแดง ละก้อ นั่นแหละ ยาทำปลอมหรือไม่ก้อเป็นยาที่ถูก อย. เพิกถอนไปแล้วเนื่องจากทำให้ !!!! ตายได้ !!!!